ธนาคารแห่งประเทศไทย มีบทบาทหลักในการบริหารนโยบายการเงินของประเทศ รวมทั้งควบคุมเสถียรภาพราคาและระบบการเงิน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังรับผิดชอบในการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินอื่นๆ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) เป็นธนาคารกลางของประเทศไทย เปิดทำการมาแล้วกว่า 80 ปี ซึ่งกว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการมาได้ ก็ถือว่าใช้ระยะเวลาในการนำเสนอการจัดตั้งมาหลายปี โดยมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ดังนี้
ประวัติความเป็นมา
- ในปี 2398 สมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 เคยพยายามที่จะจัดตั้งธนาคารกลางขึ้นในประเทศไทยหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากยังขาดประสบการณ์ทางด้านการเงิน และขาดบุคลากรที่มีความรู้
- ในปี 2475 ได้มีการยื่นเสนอการจัดตั้งธนาคารกลางขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจำนวนหนึ่ง จึงไม่มีการจัดตั้งธนาคารกลางขึ้น
- ในปี 2476 ได้มีการสนับสนุนให้มีธนาคารชาติขึ้นอีก แต่ที่ปรึกษาการคลังไม่เห็นด้วย เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีบุคลากรผู้ชำนาญทางด้านการธนาคาร ไม่มีเงินทุน และยังไม่มีระบบธนาคารพาณิชย์ของคนไทยด้วย
- ในปี 2482 ได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเตรียมการจัดตั้งธนาคารชาติไทยต่อนายกรัฐมนตรี และมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งสำนักงานธนาคารชาติไทย ซึ่งผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงเริ่มเตรียมพนักงานสำหรับการทำงานในธุรกิจธนาคารกลาง และทำหน้าที่บริหารเงินกู้ของรัฐบาลต่อไป
- ในปี 2483 สำนักงานธนาคารชาติไทยมีพิธีเปิด และได้เริ่มปฏิบัติงาน
- ในปี 2484 สำนักงานธนาคารชาติไทย เปลี่ยนมาเป็นธนาคารกลาง หรือธนาคารแห่งประเทศไทย
- ในปี 2485 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดอย่างเป็นทางการ และเริ่มดำเนินงานตั้งแต่ตอนนั้นมา
บทบาทหน้าที่ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินต่างๆ ในประเทศไทย ควบคุมให้อยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่กำหนดเอาไว้ จึงเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ และระบบการเงินของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และยังคงพัฒนาภารกิจของตนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต โดยมีบทบาทหน้าที่ ดังนี้
การออกธนบัตรและจัดการธนบัตร
- การออกธนบัตร : ธนาคารแห่งประเทศไทย มีสิทธิ์แต่ผู้เดียวในการออกธนบัตรในราชอาณาจักรไทย การออกธนบัตรต้องดำเนินการภายใต้การอนุมัติของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะต้องมีความเหมาะสม ในด้านปริมาณเงินที่ออก ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้จ่ายในเศรษฐกิจ เพื่อรักษาคุณค่าของเงินบาทและเสถียรภาพของระบบการเงิน
- การออกแบบและผลิตธนบัตร : ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ในการออกแบบธนบัตรให้มีความปลอดภัยสูง โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ และวัสดุที่ทันสมัย เพื่อป้องกันการปลอมแปลง การออกแบบธนบัตรยังรวมถึง การเลือกลวดลายและธีม ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของไทย
- การกระจายและจัดการธนบัตร : ธนาคารกลางมีหน้าที่จัดส่งธนบัตรที่พร้อมใช้งาน ไปยังธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้ธนบัตรได้รับการกระจายอย่างเป็นธรรม และมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
- การเก็บรักษาและทำลายธนบัตรเก่า : ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ในการตรวจสอบธนบัตรที่เสื่อมสภาพหรือชำรุด เพื่อดึงกลับมาจากระบบการเงิน ธนบัตรเหล่านี้จะถูกทำลาย และถูกแทนที่ด้วยธนบัตรใหม่ เพื่อรักษาคุณภาพและความน่าเชื่อถือของเงินตราในการใช้งาน
การกำหนดและดำเนินนโยบายการเงิน
- การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย : ธนาคารแห่งประเทศไทย ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ย เป็นเครื่องมือหลักในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และปริมาณเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ การปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย ช่วยให้สามารถกระตุ้นหรือระงับการลงทุน และการบริโภคของประชาชน และธุรกิจ ได้ตามสถานการณ์เศรษฐกิจ
- การดำเนินการตลาดเปิด (Open Market Operations, OMO) : ธนาคารแห่งประเทศไทย ดำเนินการซื้อหรือขายพันธบัตรรัฐบาลในตลาดเปิด เพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบ และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น การนี้เป็นการตอบสนองโดยตรงต่อความต้องการเงินสดในระบบเศรษฐกิจ
- การกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ : การตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อ ช่วยให้ตลาดและประชาชน มีความคาดหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับระดับราคาในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจด้านการลงทุนและการบริโภค
- การบริหารจัดการสภาพคล่อง : ธนาคารมีหน้าที่ในการควบคุมสภาพคล่องในระบบธนาคาร เพื่อรักษาความเสถียรของระบบการเงิน การจัดหาสภาพคล่องที่เหมาะสม ช่วยให้ระบบธนาคารมีการดำเนินการที่ราบรื่น และลดความเสี่ยงของวิกฤตการเงิน
- การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน : นอกจากการควบคุมเงินเฟ้อแล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยยังต้องมุ่งมั่นรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินโดยรวม เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชนโดยรวม
การบริหารจัดการทรัพย์สินของธนาคารแห่งประเทศไทย
- การบริหารคลังสำรองต่างประเทศ : ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ในการจัดการคลังสำรองต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงทองคำและสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อรักษาความมั่นคงของค่าเงินบาท และเพื่อความสามารถในการชำระเงินต่างประเทศ การบริหารจัดการสำรองต่างประเทศ ต้องทำให้แน่ใจว่ามีสภาพคล่องเพียงพอ เพื่อรองรับความต้องการของประเทศ
- การลงทุนทรัพย์สิน : ธนาคารมีหน้าที่ลงทุนในพันธบัตรและหลักทรัพย์อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษามูลค่าและผลตอบแทนที่เหมาะสม การลงทุนเหล่านี้ ต้องดำเนินการภายใต้นโยบายที่รอบคอบ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อรักษามาตรฐานสากล
- การบริหารความเสี่ยง : การบริหารจัดการทรัพย์สินของธนาคาร จำเป็นต้องรวมการบริหารความเสี่ยงเข้าไว้ด้วย เพื่อป้องกันการสูญเสียทางการเงิน และรักษาเสถียรภาพการเงินของธนาคาร การบริหารความเสี่ยง รวมถึงการประเมินและควบคุมความเสี่ยงทางตลาด เครดิต และการดำเนินงาน
- การดูแลสภาพคล่อง : ธนาคารต้องรักษาสภาพคล่องในระดับที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของระบบการเงิน และการชำระเงินของประเทศ การจัดการสภาพคล่องที่ดี ช่วยให้ธนาคารสามารถดำเนินการได้โดยไม่มีอุปสรรค และป้องกันการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน
- การสื่อสารและรายงาน : ธนาคารจำเป็นต้องจัดทำรายงานและสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างโปร่งใสต่อสาธารณะ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ภาคเศรษฐกิจและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าใจและมีความมั่นใจในการบริหารจัดการของธนาคาร
นายธนาคารและนายทะเบียนหลักทรัพย์ของรัฐบาล
- นายธนาคารของรัฐบาล : ในฐานะนายธนาคารของรัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการเงินสด และบัญชีการเงินของรัฐบาล เพื่อให้บริการทางการเงินที่จำเป็นแก่หน่วยงานของรัฐ การจัดการนี้รวมถึงการรับฝากเงินของรัฐบาล การชำระเงิน และการบริหารจัดการเงินสำรองของรัฐ ซึ่งช่วยให้รัฐบาลมีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอสำหรับการดำเนินการ และการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ
- นายทะเบียนหลักทรัพย์ของรัฐบาล : ในฐานะนายทะเบียนหลักทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทยรับผิดชอบในการจดทะเบียน และบริหารจัดการหนี้สินระยะยาวของรัฐบาล การจดทะเบียนเหล่านี้ รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล และหนี้สินอื่นๆ ที่ออกโดยรัฐบาล ธนาคารต้องบันทึกและติดตามข้อมูลเกี่ยวกับการออกและการชำระหนี้ เพื่อรับประกันว่า รัฐบาลสามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ภาระหนี้ของตนได้อย่างถูกต้อง
นายธนาคารของสถาบันการเงิน
- การเป็นธนาคารของสถาบันการเงิน : ธนาคารแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นธนาคารสำหรับสถาบันการเงินต่างๆ โดยจัดการบัญชีต่างๆ สำหรับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อการชำระเงินและการเคลื่อนย้ายเงินทุนภายในระบบการเงินของประเทศ
- การบริหารสภาพคล่องให้กับระบบธนาคาร : ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ให้สภาพคล่องแก่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อช่วยให้พวกเขามีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการดำเนินการประจำวัน และช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการเงินสดของลูกค้าได้
- บริการทางการเงินอื่นๆ : นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังให้บริการทางการเงิน และให้คำปรึกษาเฉพาะกิจกับสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อช่วยในการดำเนินการทางการเงินที่ซับซ้อน และการตัดสินใจในการลงทุน
- การกำกับดูแลและการควบคุม : โดยทำหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลสถาบันการเงินในประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและปกป้องลูกค้าผู้ฝากเงิน
จัดตั้งหรือสนับสนุนการจัดตั้งระบบการชำระเงิน
- การพัฒนาและบำรุงรักษาระบบการชำระเงินในประเทศ (Domestic Payment System) : ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ในการจัดตั้งและบำรุงรักษาระบบการชำระเงินที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพในประเทศ เช่น ระบบโอนเงินระหว่างธนาคาร (Interbank Transfer System) และระบบการชำระเงินผ่านบัตร เพื่อรองรับการทำธุรกรรมทางการเงินที่รวดเร็วและปลอดภัย
- การพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน (Cross-Border Payment System) : ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังมีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดน ซึ่งช่วยให้การชำระเงินและการโอนเงินระหว่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศได้
- การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ : ธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในระบบการชำระเงิน เช่น การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน และการชำระเงินผ่านมือถือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงิน
- การปรับปรุงและประกันความปลอดภัย : นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมุ่งมั่นในการปรับปรุงและรักษาความปลอดภัยของระบบการชำระเงิน เพื่อป้องกันการฉ้อโกง และการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ
กำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน
- การกำหนดมาตรฐานและกฎระเบียบ : ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดมาตรฐานและกฎระเบียบที่สถาบันการเงินต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาความมั่นคงและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งความโปร่งใสในการดำเนินงานของสถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับทุนสำรอง การบริหารความเสี่ยง การกำกับดูแลภายใน และการเปิดเผยข้อมูล
- การตรวจสอบและประเมินสถาบันการเงิน : ธนาคารดำเนินการตรวจสอบและประเมินสถาบันการเงินเป็นประจำ เพื่อตรวจสอบว่า สถาบันการเงินปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ การตรวจสอบเหล่านี้ ช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาและเริ่มการแก้ไขได้ทันเวลา ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินโดยรวม
- การบริหารจัดการความเสี่ยง : การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยสถาบันการเงินในการประเมินและจัดการความเสี่ยงที่ต้องเผชิญ รวมทั้งความเสี่ยงด้านตลาด เครดิต การดำเนินงาน และความเสี่ยงทางกฎหมายและหนี้สิน
- การคุ้มครองผู้บริโภค : ธนาคารแห่งประเทศไทย มีบทบาทในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของลูกค้า ที่ใช้บริการของสถาบันการเงิน การกำกับดูแลนี้รวมถึงการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการฉ้อโกงและการให้บริการลูกค้าที่เป็นธรรม
- การดำเนินการในสถานการณ์วิกฤต : ธนาคารแห่งประเทศไทยมีความรับผิดชอบในการดำเนินการ เมื่อมีสถานการณ์วิกฤตทางการเงิน เช่น การเข้ารับการบริหารจัดการชั่วคราว หรือการเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับสถาบันการเงินที่มีปัญหา
ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน
- การติดตามและวิเคราะห์ตลาดเงินตราต่างประเทศ : ธนาคารแห่งประเทศไทย ติดตามและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของตลาดเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่อาจส่งผลต่อค่าเงินบาท ซึ่งมีการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น กระแสทุนข้ามชาติ ดุลการค้า นโยบายการเงินของประเทศอื่น และเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
- การดำเนินการตลาดเปิด (Open Market Operations) : ธนาคารแห่งประเทศไทย อาจเข้าแทรกแซงตลาดเงินตราต่างประเทศโดยตรง เช่น การซื้อหรือขายสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อบริหารจัดการค่าเงินบาท การแทรกแซงเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การรักษาความเสถียรของค่าเงิน และป้องกันการเคลื่อนไหวที่รุนแรง และไม่เป็นไปตามเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ
- กฎเกณฑ์และข้อบังคับ : ธนาคารกำหนดกฎเกณฑ์ และข้อบังคับสำหรับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ เช่น ข้อจำกัดในการทำธุรกรรมสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารและบุคคลทั่วไป การกำหนดนี้ ช่วยให้ธนาคารสามารถควบคุมกระแสเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันการเก็งกำไร ที่อาจทำให้เกิดความไม่เสถียรในตลาดเงิน
- การบริหารจัดการทุนสำรองและเงินตราต่างประเทศ : การบริหารจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่เหมาะสม เป็นส่วนสำคัญของการควบคุมค่าเงิน ทุนสำรองเหล่านี้ช่วยให้ธนาคารมีเงินตราต่างประเทศ เพียงพอที่จะสามารถเข้าแทรกแซงตลาดเมื่อจำเป็น และใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการค่าเงิน
สรุป ธนาคารแห่งประเทศไทย
สรุปได้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) เป็นธนาคารกลางของประเทศไทย ที่มีหน้าที่หลักในการกำหนดและดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน และระบบการเงินของประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทยควบคุมและกำกับดูแลสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน และทรัพย์สินในทุนสำรองเงินตรา นอกจากนี้ยังรับผิดชอบการออกธนบัตรและรักษาเสถียรภาพของระบบการชำระเงินของประเทศอีกด้วย











