Payoneer คืออะไร : ข้อดี ข้อเสีย : ค่าธรรมเนียม : วิธีสมัครใช้งาน : วิธีโอนเงินเข้าธนาคาร

เป็นผู้ให้บริการด้านการชำระเงินข้ามประเทศ

Payoneer เป็นผู้ให้บริการด้านการชำระเงินข้ามประเทศ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจและบุคคลทั่วไป สามารถทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศได้อย่างง่ายดาย Payoneer มีบริการหลากหลาย เช่น การรับและส่งเงิน การแปลงสกุลเงิน และการออกบัตรเดบิต ที่สามารถใช้ในการทำธุรกรรมออนไลน์ และถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ผู้ประกอบการออนไลน์ นักฟรีแลนซ์ และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่ต้องการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

Payoneer คืออะไร

  • Payoneer เป็นบริษัทด้านการเงิน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 โดย Yuval Tal เป็นบริษัทที่ให้บริการโอนเงินข้ามประเทศ และการชำระเงินออนไลน์ Payoneer ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Greylock Partners, Carmel Ventures, Susquehanna Growth Equity, และ Technology Crossover Ventures
  • Payoneer ยังได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในบริษัทฟินเทคที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2020 บริษัทได้เข้าร่วมตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ผ่านการควบรวมกิจการกับบริษัท SPAC (Special Purpose Acquisition Company) ที่ชื่อ FTAC Olympus Acquisition Corp
  • Payoneer มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และมีสำนักงานสาขาในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ในทุกภูมิภาค

วัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง

  • การช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง สามารถทำธุรกรรมข้ามประเทศได้ง่ายขึ้น และมีต้นทุนที่ต่ำลง โดยเฉพาะในกรณีของการรับเงินและการโอนเงินระหว่างประเทศ
  • ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับเงินจากบริษัทต่างชาติ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารท้องถิ่นของผู้ใช้หรือใช้บัตร Payoneer Mastercard ที่สามารถถอนเงินจากตู้ ATM ได้ทั่วโลก

บริการของ Payoneer

  • ให้บริการการค้าออนไลน์, การให้บริการฟรีแลนซ์, การตลาดออนไลน์ และการโฆษณาออนไลน์
  • ให้บริการรับเงินจากแพลตฟอร์มใหญ่ๆ เช่น Amazon, Upwork, Fiverr และ Google AdSense

ข้อดีของ Payoneer

  1. ความสะดวกสบายในการรับเงิน : Payoneer ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับเงินจากต่างประเทศได้ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะจากแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ เช่น Amazon, Upwork, Fiverr และ Google AdSense
  2. ค่าใช้จ่ายต่ำ : ค่าธรรมเนียมของ Payoneer มักจะต่ำกว่าธนาคารโดยทั่วไป และต่ำกว่าบริการโอนเงินอื่นๆ ทำให้ประหยัดต้นทุนในการทำธุรกรรมข้ามประเทศ
  3. บริการหลายสกุลเงิน : Payoneer ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับและโอนเงินในหลายสกุลเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจที่มีการทำธุรกรรมข้ามประเทศ
  4. บัตร Mastercard : ผู้ใช้ Payoneer สามารถรับบัตร Payoneer Mastercard ซึ่งสามารถใช้ในการถอนเงินจากตู้ ATM หรือใช้ในการชำระเงินออนไลน์และร้านค้าได้ทั่วโลก
  5. การสนับสนุนลูกค้า : Payoneer มีการสนับสนุนลูกค้าที่ดี มีศูนย์บริการลูกค้าและช่องทางการติดต่อหลายรูปแบบ รวมถึงแชทสด, อีเมลล์, และโทรศัพท์
  6. ความปลอดภัย : Payoneer ใช้เทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบสิทธิ์สองขั้นตอน เพื่อปกป้องข้อมูลและการทำธุรกรรมของผู้ใช้
  7. การเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ : Payoneer สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและตลาดออนไลน์หลายแห่ง ทำให้ผู้ขายสามารถรับเงินจากการขายสินค้าได้อย่างสะดวก
  8. การโอนเงินระหว่างบัญชี Payoneer : ผู้ใช้สามารถโอนเงินระหว่างบัญชี Payoneer ได้ฟรี ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจที่มีพาร์ทเนอร์หรือผู้ร่วมงานที่ใช้ Payoneer
  9. การบริการที่หลากหลาย : นอกจากการโอนเงินและรับเงินแล้ว Payoneer ยังมีบริการอื่น ๆ เช่น การออกใบแจ้งหนี้ (invoicing) และการชำระเงินให้กับพนักงานฟรีแลนซ์

ข้อเสียของ Payoneer

  1. ค่าธรรมเนียม : การใช้บริการของ Payoneer อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการโอนเงิน การถอนเงิน หรือบริการอื่น ๆ ซึ่งอาจมีผลต่อความคุ้มค่าของการใช้บริการ
  2. อัตราแลกเปลี่ยน : Payoneer อาจมีการเรียกเก็บค่าแลกเปลี่ยนสูงกว่าธนาคารหรือบริการอื่นๆ ที่ให้บริการโอนเงินและการแลกเปลี่ยนเงินตรา
  3. การจำกัดการใช้งาน : บางประเทศหรือบางธุรกิจ อาจมีการจำกัดหรือกฎเกณฑ์ในการใช้บริการ Payoneer ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้บางรายไม่สามารถใช้บริการได้ตามปกติ
  4. ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย : ในบางกรณี Payoneer อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเมื่อเป็นเป้าหมายของการฉ้อโกงหรือการละเมิดความปลอดภัยอื่น ๆ
  5. การเชื่อมต่อและการใช้งาน : บางครั้งผู้ใช้อาจพบปัญหาในการเชื่อมต่อหรือการใช้งานบริการ Payoneer ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน
  6. ข้อจำกัดในการถอนเงิน : มีข้อจำกัดในการถอนเงินผ่านบัตร Payoneer Mastercard และค่าธรรมเนียมที่อาจเกิดขึ้นกับการถอนเงินในบางประเทศ

ค่าธรรมเนียมของ Payoneer

  1. ค่าธรรมเนียมการโอนเงิน : มีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเมื่อโอนเงินจากบัญชี Payoneer ไปยังบัญชีธนาคารท้องถิ่น ค่าธรรมเนียมอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเทศและสกุลเงินที่โอน แต่หากโอนผ่านบัญชี Payoneer ด้วยกัน จะไม่มีการคิดค่าธรรมเนียม
  2. ค่าธรรมเนียมการถอนเงิน : การถอนเงินจากบัญชี Payoneer เข้าบัญชีธนาคารไทย จะมีค่าธรรมเนียม 2%
  3. ค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน : มีค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บ เมื่อคุณทำธุรกรรมในสกุลเงินที่แตกต่างจากสกุลเงินของบัญชี Payoneer ของคุณ
  4. ค่าธรรมเนียมการรับเงิน : การรับเงินผ่าน Payoneer โดยทั่วไปมีค่าธรรมเนียม 1%
  5. ค่าธรรมเนียมบัตร : การใช้จ่ายผ่านบัตร Payoneer Mastercard จะมีค่าธรรมเนียม 3.5%

วิธีสมัครใช้งาน Payoneer

  • เข้าสู่หน้าเว็บไซต์หลักของ Payoneer คือ https://www.payoneer.com/th/ จากนั้น คลิก “เริ่มกันเลย”

  • เลือกประเภทบัญชีที่คุณต้องการใช้งาน โดยเลือกตามสถานะของตนเอง เช่น ในตัวอย่างการเปิดบัญชีสมัครใช้งานในครั้งนี้ จะเป็นการเลือกเปิดบัญชีสำหรับผู้ที่ทำงานฟรีแลนซ์ หรืออาชีพออนไลน์ โดยให้คุณคลิก “ฟรีแลนซ์ หรือ ทำอาชีพออนไลน์”

  • ระบบจะพาเข้ามาในหน้านี้ ให้เลือกจำนวนเงิน หรือรายได้ที่เราได้รับ

  • จากนั้น ระบบจะพาคุณมายังหน้าการลงทะเบียน ให้คุณคลิก “ลงทะเบียน” เพื่อดำเนินการต่อ

  • เลือกประเทศที่อาศัยอยู่
  • กรอกข้อมูลรายละเอียดที่อยู่อาศัยปัจจุบัน ได้แก่ บ้านเลขที่ ถนน ซอย ตำบล/แขวง อำเภอ/เขต จังหวัด และหมายเลขไปรษณีย์ (กรอกให้ครบถ้วน)
  • กรอกหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้สำหรับการรับรหัส OTP
  • จากนั้นนำรหัส OTP ที่ได้รับจากโทรศัพท์มือถือ มาใส่ในช่องนี้
  • จากนั้น คลิก “ถัดไป” เพื่อดำเนินการต่อ

  • ระบบจะพามาที่การตั้งค่าบัญชีส่วนตัว ในช่องนี้ใส่ชื่อผู้ใช้งาน โดยใส่เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
  • ตั้งรหัสผ่าน โดยจะต้องตั้งรหัสผ่านอย่างน้อย 7 ตัวอักษร มีตัวเลขและอักษรประกอบกัน
  • ใส่รหัสผ่านที่เราตั้งไว้ในข้อ 11. อีกครั้ง
  • เลือกคำถามที่ต้องการใช้ในการยืนยันตัวตน ในเวลาที่เข้าใช้งาน หรือเวลาที่บัญชีมีปัญหา
  • เลือกประเทศ
  • ใส่หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก
  • ใส่ตัวอักษรที่อยู่ด้านล่างให้ถูกต้อง
  • คลิก “ถัดไป” เพื่อดำเนินการต่อ

  • เลือกแบบบัญชีที่เราต้องการใช้งาน สามารถเลือกได้ทั้งบัญชีส่วนตัว และบัญชีธุรกิจ
  • เลือกประเทศ และเลือกสกุลเงินที่ต้องการใช้งาน
  • เลือกชื่อธนาคารที่เราต้องการเชื่อมต่อเพื่อใช้งาน จากนั้นใส่หมายเลขบัญชีธนาคาร
  • เลือกยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงทั้ง 2 ช่อง
  • คลิก “ส่ง” เพื่อดำเนินการต่อ

  • ระบบจะแจ้งว่า “ขอแสดงความยินดีด้วย” หมายถึง การเปิดบัญชีสำเร็จแล้ว

  • จากนั้น เข้าสู่หน้าเว็บไซต์ https://www.payoneer.com/th/ เพื่อเข้าสู่ระบบอีกครั้ง โดยใส่ชื่อผู้ใช้งานที่เราตั้งค่าไว้
  • ใส่รหัสผ่าน ที่เราตั้งค่าไว้
  • คลิก “SIGN IN” เพื่อดำเนินการต่อ

  • ใส่หมายเลขโทรศัพท์มือถือ เพื่อรับรหัส OTP
  • คลิก “TURN ON” เพื่อดำเนินการต่อ

  • นำรหัส OTP จากโทรศัพท์มือถือ มาใส่ในช่องนี้
  • คลิก “SUBMIT” เพื่อดำเนินการต่อ

  • เข้าสู่หน้าหลัก เพื่อตั้งค่าความปลอดภัย คลิก “อัปเดตตอนนี้” เพื่อตั้งค่าความปลอดภัยให้กับบัญชี

  • ระบบจะแสดงคำถามที่เราเลือกไว้ตั้งแต่ตอนสมัครเปิดบัญชีใช้งาน คุณสามารถตอบคำถามแบบใดก็ได้ เพื่อให้ตนเองไม่ลืม เนื่องจากคำตอบนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันตัวตนให้คุณ ในกรณีที่บัญชีมีปัญหาในอนาคต
  • เมื่อตอบคำถามเรียบร้อย คลิก “เปลี่ยน” เพื่อดำเนินการต่อ

  • ใส่รหัส OTP ที่ได้รับจากโทรศัพท์มือถือ
  • คลิก “ส่ง” เพื่อดำเนินการต่อ

  • สังเกตที่มุมนี้ จะต้องขึ้นว่า “อัปเดตแล้ว”
  • จากนั้นคลิก “เริ่มกันเลย” เพื่อเข้าไปดูหน้าหลักของบัญชีเรา

  • ระบบจะพาเข้าสู่หน้าหลัก ที่เป็นหน้าบัญชีของเรา แบบนี้หมายความว่า บัญชีได้เปิดใช้งาน และตั้งค่าความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

วิธีโอนเงินเข้าธนาคาร

  • เข้าสู่หน้าเว็บไซต์ https://www.payoneer.com จะเห็นหน้าบัญชีของเรา หากเรามีเงินอยู่ในบัญชี Payoneer จะแสดงยอดเงินในแต่ละสกุลเงินทันที หากต้องการโอนเงิน คลิก “Withdraw” เพื่อดำเนินการต่อ

  • เลือกสกุลเงินที่เราต้องการนำเข้าบัญชี และเลือกบัญชีธนาคารที่ต้องการนำเงินเข้า
  • ใส่จำนวนเงินที่เราต้องการโอน
  • ส่วนนี้จะแสดงยอดเงินที่แปลงสกุลเงินเรียบร้อยแล้ว คือ ยอดเงินที่จะเข้าบัญชีของเรา
  • จากนั้นคลิก “REVIEW” เพื่อดำเนินการต่อ

  • ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วน ได้แก่
    • ตรวจสอบสกุลเงินหลักที่ต้องการโอนออก
    • ตรวจสอบชื่อธนาคารที่ต้องการรับเงิน
    • ตรวจสอบยอดเงินของสกุลเงินที่ต้องการโอน
    • ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน
    • ตรวจสอบยอดเงินที่จะเข้าบัญชีธนาคารของเรา
    • จากนั้น คลิก “WITHDRAW” เพื่อดำเนินการต่อ
  • นำรหัส OTP ที่ส่งมายังโทรศัพท์มือถือ ใส่ในช่องนี้ เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนก่อนการโอน
  • จากนั้นคลิก “SUBMIT” เพื่อดำเนินการต่อ

  • ระบบจะแสดงข้อความ “Your funds are on the way” หมายถึง เงินของคุณกำลังอยู่ในระหว่างการโอน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-5 วันทำการ เงินก็จะเข้าบัญชีธนาคารของคุณ กรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ข้อควรระวังในการใช้งาน

การใช้บริการ Payoneer นั้น มีข้อควรระวังบางประการที่ควรพิจารณาให้ดี เช่นเดียวกับการใช้บริการการเงินอื่นๆ ควรระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และการทำความเข้าใจเงื่อนไข ดังนี้

  • ค่าธรรมเนียมและอัตราแลกเปลี่ยน : ค่าธรรมเนียมและอัตราแลกเปลี่ยนของ Payoneer อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ตามเงื่อนไข ควรตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมก่อนการทำธุรกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
  • ความปลอดภัย : รักษาความปลอดภัยของบัญชี Payoneer ของคุณ ด้วยรหัสผ่านที่มีความปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านเดียวกับบัญชีอื่นๆ
  • การโกง : ระวังการโกงและการหลอกลวงที่ อาจเกิดขึ้นผ่านทางอีเมล หรือข้อความปลอม ไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลบัญชีให้กับบุคคลที่ไม่รู้จัก
  • การใช้บัตร : การใช้บัตร Payoneer Mastercard ในการทำธุรกรรมออนไลน์ หรือที่ตู้ ATM ควรตรวจสอบรายการทุกครั้ง และรักษาบัตรให้ปลอดภัย
  • เชื่อมต่อบัญชีอื่น : หากมีการเชื่อมต่อบัญชี Payoneer กับบัญชีอื่นๆ ควรตรวจสอบและอนุมัติการเชื่อมต่อด้วยความระมัดระวัง
  • ข้อจำกัดและเงื่อนไข : อ่านและเข้าใจข้อจำกัดและเงื่อนไขการใช้บริการของ Payoneer อย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

สรุปเกี่ยวกับ Payoneer

จากข้อมูลด้านบนนี้ ทุกท่านจะเห็นได้ว่า Payoneer เป็นตัวกลางที่ดีเกี่ยวกับการบริการ ช่วยในการโอนเงินระหว่างประเทศ และรับเงินจากบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานออนไลน์ มีความสะดวกสบายในการใช้งานและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าบริการอื่นๆ อย่าง PayPal แต่อย่างไรก็ตาม ควรระวังเรื่องค่าธรรมเนียมการถอนเงิน และควรตรวจสอบกฎเกณฑ์ทางภาษีของประเทศที่ใช้บริการด้วย